วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การบ้านครั้งที่ 1 คำศัพท์เกี่ยวกับระบบเครือข่าย


1.      IEEE =  Institute  of  Electrical  and  Electronics  Engineers 
Standards  of  computer  networks.  Each  standard  can  indicate  the  speed  and  frequency  differences  in  data  communications.
คือ  มาตรฐานการทำงานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์  ซึ่งในแต่ละมาตรฐานจะบอกความเร็วและคลื่นสัญญาณความถี่ที่แตกต่างกันในการสื่อสารข้อมูล

2.      IAPP= Inter Access  Point  Protocol
Design  rule  of  dealing  with  mobile  users  across  the  service  area of  one Access  Point  to  another  Access  Point  to  provide  a  roaming  service. Signal between them.
คือ มาตรฐานที่ออกแบบมาสำหรับจัดการกับผู้ใช้งานที่เคลื่อนที่ข้ามเขตการให้บริการของ  Access Point ตัวหนึ่งไปยัง Access Point อีกตัวหนึ่ง เพื่อให้บริการในแบบโรมมิ่ง สัญญาณระหว่างกัน

การบ้านครั้งที่ 2 อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบเครือข่าย ( WI MAX )


WIMAX = Worldwide Interoperability for Microwave Access)
A high-speed wireless broadband technology that was developed on the IEEE 802.16 standards and has developed the IEEE 802.16d standard supports point to point Standard documents published by the final year in January, 2004 by the Institute of Electrical and Electronics Engineering (IEEE: Institute of Electrical and Electronics Engineers) in the first IEEE802.16 standard is designed to send a point to point. (Point-to-Point) is the transmission distance data transmission distance of 30 miles (about 50 miles) with speeds of data transmission of up to 75 megabits per second (Mbps).

ไวแมกซ์  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายความเร็วสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาบนมาตรฐาน IEEE 802.16  และได้พัฒนามาตรฐาน  IEEE 802.16d  ให้รองรับการทำงานแบบจุดต่อจุด ขึ้นโดยได้เผยแพร่เอกสารมาตรฐานฉบับสมบูรณ์เมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2004 โดยสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  (IEEE: Institute of Electrical and Electronics Engineers)  ในช่วงแรกมาตรฐาน  IEEE802.16  ได้ออกแบบให้ส่งข้อมูลแบบจุดต่อจุด  (Point-to-Point)  จึงทำให้ส่งข้อมูลได้ระยะไกลส่งข้อมูลได้ระยะห่าง 30 ไมล์ (ประมาณ 50 กิโลเมตร) ด้วยอัตราความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงสุดถึง 75 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps)

ความรู้เพิ่มเติม

Spam คือ e-mail ลักษณะหนึ่ง ที่ส่งถึงท่าน หรือคนทั่วโลก โดยผู้ส่งไม่จำเป็นต้องรู้จักท่านมาก่อน เพราะเขาใช้โปรแกรมหว่านแห ส่งไปทั่ว เท่าที่จะส่งไปได้ และมักเป็น e-mail ที่เราท่าน ไม่พึงประสงค์ เป้าหมายส่วนใหญ่ของ spam คือ เชิญชวนให้ท่านไปซื้อสินค้า หรือแนะนำเว็บทางการค้า ที่เจ้าของเว็บจ่ายเงินจ้าง hacker เก่ง ๆ ให้สร้าง spam ให้กับเว็บของตน หรืออาจเกิดจากนักเจาะระบบสมัครเล่น ที่ชอบทดลอง ก็เป็นได้ และปกติเราจะไม่สามารถควานหาตัว ผู้สร้าง spam ได้โดยง่าย เพราะพวกเขามีวิธีพลางตัว ที่ซับซ้อนยิ่งนัก เช่น login จาก server หนึ่ง กระโดดไปอีก server หนึ่ง แล้วจึงจะเริ่มเจาะ server เป้าหมาย ที่สถาบันผมเจอมาแล้วว่า มีคนเข้า server  ผมได้ แล้วใช้เป็นทางผ่านไปเจาะ ญี่ปุ่นบ้าง อเมริกาบ้าง อังกฤษ บ้าง พอเช็ค  account  ก็เป็นของนักศึกษาที่ไม่เคยใช้  internet  มาก่อนเลยก็มี
โดยปกติ Server  ทุกแห่ง จะไม่อนุญาตให้สมาชิก หรือให้บริการ ส่ง spam  หากใครทำแล้วจับได้ จะถูกตัดสิทธิ์การใช้บริการทันที แต่  server  บางแห่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่อ่อน ทำให้มี hacker เข้าไปติดตั้งโปรแกรม หรือ set ระบบให้ส่ง spam ออกไป ถ้าผู้ดูแลระบบไม่มีความรู้เท่าทัน hacker ก็จะไม่สามารถจัดการอะไรได้ เพราะหลักการ และทฤษฏีเกี่ยวกับ server มีมากมาย

มาตรฐานของระบบเครือข่ายไร้สาย
IEEE 802.11 นั้นจะแบ่งระดับชั้นของเทคโนโลยีออกเป็น 4 ระดับ นั่นคือ -PHY (Physical Layer หรือ ชั้นกายภาพ )  -MAC (Media Access Controller หรือตัวควบคุมการเข้าถึงสื่อ ) -OS ( ระบบปฏิบัติการ ) และ            -Application ( แอพพลิเคชั่น )           
            โดย PHY หรือขั้นกายภาพนั้นก็คือส่วนของฮาร์ดแวร์ที่แบ่งมาตรฐานออกเป็น a, b และ g โดยหากเลือกต่างชนิดกันก็ไม่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องเพราะเป็นความถี่ที่ต่างกันจะติดต่อรับส่งข้อมูลกันไม่ได้ โดยปัจจุบันในส่วนของ PHY นี้มีอยู่ทั้งสิ้น 4 มาตรฐาน คือ a, b, g และIR(อินฟราเรด)  มาตรฐาน 802.11 นี้ใช้การส่งสัญญาณแบบคลื่นวิทยุที่ความถี่ 2.4 GHz ซึ่งเป็นความถี่ ISM ( Industrial, Scientific and Medical ) band สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยอัตราความเร็ว ค่อนข้างต่ำ คือ 1 และ 2 Mbps เท่านั้น โดยใช้เทคนิคการส่งสัญญาณหลักอยู่ 2 รูปแบบ คือ DSSS ( Direct Sequent Spread Spectrum) และ FHSS (Frequency Hopping Spread Spectrum) ซึ่งถูกคิดค้นมาจากหน่วยงานทหาร การส่งสัญญาณทั้ง 2 รูปแบบจะใช้ความกว้างของช่องสัญญาณ (bandwidth) ที่มากกว่า การส่งสัญญาณแบบ narrow band แต่ทำให้สัญญาณมีความแรงมากกว่าซึ่งง่ายต่อการตรวจจับมากกว่าแบบ narrow band หน่วยงานทหารใช้วิธีการเหล่านี้ในการปิดกั้นการใช้งานจากอุปกรณ์อื่นๆที่จะมาทำให้ระบบเกิดปัญหา โดยการส่งสัญญาณแบบ FHSS สัญญาณจะกระโดดจากความถี่หนึ่งไปยังอีกความถี่หนึ่งในอัตราที่ได้กำหนดไว้แล้ว ซึ่งจะรู้กันเฉพาะตัวรับกับตัวส่ง เท่านั้น ส่วน การส่งสัญญาณแบบ DSSS จะมีการส่ง chipping code ไปกับสัญญาณแต่ละครั้งด้วย ซึ่งจะมีเฉพาะตัวรับกับตัวส่งเท่านั้นที่จะรู้ลำดับของ chip สำหรับการใช้งาน ระบบเครือข่าย แบบไร้สายทุกวันนี้ DSSS มีคุณสมบัติที่โดดเด่นและให้ throughput ที่มากกว่า เมื่อเร็วๆนี้เองที่ได้มีการพัฒนาจนได้อัตราการส่งข้อมูล 11 Mbps ผ่านการส่งแบบ DSSS และเป็นมาตรฐานที่โดดเด่นของ WLAN ผลิตภัณฑ์ซึ่งรองรับมาตรฐาน 802.11b ( อัตราส่งถ่ายข้อมูลสูง 11 Mbps ) นี้สามารถทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ซึ่งทำงานกับมาตรฐาน DSSS แบบเก่า 802.11 ( อัตราส่งถ่ายข้อมูล 1 และ 2 Mbps ) ได้ แต่ ระบบ FHHS จะถูกใช้กับอุปกรณ์ที่มีกำลังส่งต่ำ , เป็น application ที่ใช้งานในย่านต่ำๆ เช่น โทรศัพท์ไร้สายความถี่ 2.4 GHz แต่จะใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์DSSSไม่ได้ 

มาตรฐาน
IEEE802.11a
รองรับอัตราความเร็วของการส่งข้อมูล เท่ากับ 6
 , 9 , 12 , 18 , 24 , 36 , 48 และ 54 Mbps อัตราความเร็วจะลดลงเองอย่างอัตโนมัติขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่าง Access point กับ เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่าย โดยที่ความเร็วสูงสุดที่ 54 Mbps นั้นใช้การมอดูเลชั่นสัญญาณความถี่ย่อย แบบ 64- level QuadratureAmplitudeModulation(64QAM)

มาตรฐาน
IEEE802.11b
นั้นรับการตั้งชื่อใหม่ว่า
 Wi-Fi โดยได้รับการรับรองมาตรฐานและกำหนดรายละเอียดโดยกลุ่ม WECA หรือ wireless Ethernet Compatibility Alliance ที่ประกอบด้วยสมาชิกจากผู้ผลิตในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง 3com, Cisco Systems, Intersil, Agere Systems, Nokia และ Symbol Technologies ซึ่งปัจจุบันก็ยัง มี สมาชิกจากบริษัทต่างๆ อีกกว่า 110 บริษัทเข้าร่วมอ ยู่ ในมาตรฐานนี้ 
สำหรับรายละเอียดด้านคุณสมบัติ ของ
 IEEE 802.11b จะสามารถรับ - ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 11 Mbps โดยใช้ความถี่คลื่นวิทยุที่ 2.4 GHz ใช้เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ DSSS โดยย่านความถี่ที่ใช้เป็น ISM (Industrial, Scientific and Medical) band จากระดับความเร็ว ที่ ค่อนข้างต่ำ คือทำได้เพียง 11 Mbps เท่านั้น เมื่อ เทียบกับ ระบบ LAN แบบมีสาย ที่มาตรฐานปัจจุบัน อยู่ที่ระดับ 100 Mbps และล่าสุดมาตรฐานความเร็ว 1 Gbps กำลังเป็นที่ยอมรับและนิยมใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเห็นว่า IEEE 802.11b นั้น ค่อนข้าง ช้ากว่ามาก ไม่เพียงเท่านั้น คลื่นความถี่วิทยุที่ 2.4 GHz ที่ IEEE 802.11b ใช้อยู่นั้นยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ร่วมใช้งานอยู่ด้วยหลายชนิด เช่น เตาไมโครเวฟ หรือ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งหากมีอุปกรณ์เหล่านี้ทำงานอยู่ใกล้ๆ กับเครือข่าย IEEE 802.11b ก็จะทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลช้าลง แต่จุดเด่นก็คือการใช้ความถี่คลื่นวิทยุที่ค่อนข้างต่ำ เพียง 2.4 GHz นั้นทำให้ IEEE 802.11b มีระยะทางในการติดต่อระหว่างอุปกรณ์ค่อนข้างไกล ทำให้ชุดเครือข่ายไร้สายแบบ IEEE 802.11b ไม่จำเป็นต้องมีจุด รับส่งสัญญาณ หรือที่เรียกกันว่า Access Point หรือ นะ Hot Spot มากนัก ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดี 

มาตรฐาน
IEEE802.11g 
จุดเด่นของ
 IEEE 802.11g ก็คือการใช้คลื่นความถี่วิทยุ 2.4 GHz ซึ่งเป็นคลื่นสาธารณะที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เหมือนมาตรฐาน IEEE802.11b แต่ใช้เทคโนโลยีแบบ OFDM ในการส่งสัญญาณ ทำให้มีความเร็วสูงสุดมากกว่า 20 Mbps เหมือนมาตรฐาน IEEE 802.11a จุดเด่นที่สำคัญของ 802.1gก็คือสามารถใช้งานร่วมกับ802.11bที่มีอยู่แล้วได้
มาตรฐานIEEE802.11Wi-Fi WiFi เทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย LAN 802.11b ใช้หลักการทำงานไร้สาย โดยใช้จุดเชื่อมต่อสัญญาณ hotspots ติดตั้งตามจุดต่างๆ ทำให้คุณสามารถนำ Notebook ที่มี wireless lan และ CPU Intel Centrino ไปใช้ได้ทุกที่ที่ติดตั้งจุดเชื่อมต่อสัญญาณ hotspots ไว้ ให้คุณสามารถทำงานได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ให้คุณใช้งานผ่านเครือข่ายในการถ่ายโอนข้อมูลและใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ที่มีสัญญาณจาก hotspot


วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประวัติส่วนตัว....ลูกแรด --> ~ Satarn ~


ชื่อ  นางสาวปนัดดา   นามสกุล   หนูดำ
ชื่อเล่น   ตาล       เกรดเฉลี่ย       2.43
วัน/เดือน/ปีเกิด   30   มิถุนายน    2532     อายุ   21   ปี
น้ำหนัก   45    ส่วนสูง    156      กรุ๊ปเลือด   AB   โรคประจำตัว -       
ภูมิลำเนา   137/2   .3    ต.สระแก้ว     อ.ท่าศาลา    จ.นครศรีธรรมราช   80160
ที่อยู่ปัจจุบัน    1/15  .10  สำโรงเหนือคอนโด  .สุขุมวิท 113
.วัดด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ   .เมือง  . สมุทรปราการ  10270
เพื่อนสนิท (ที่สามารถติดต่อได้)    นายสิริวัฒน์    จันทร์สุข  
เบอร์โทร     089-6454240        งานอดิเรก   ฟังเพลง อ่านหนังสือ
คติประจำใจ       Nobody   perfect

บุคลิกภาพสไตล์...แรด !!!! BIZCOM




ท่าทางและการเคลื่อนไหว
          การมีท่าทางที่คล่องแคล่ว แข็งขัน น่าจะเป็นท่าทางที่ดี มีความเป็นผู้นำ บางคนมุ่งเน้นไปที่ท่าทีภายนอก ว่าจะต้องแคล่วคล่องงามสง่า ทั้งวันจึงอาจมีการเกร็งกล้ามเนื้อ กระดูกสันหลัง และเคลื่อนไหวอย่างฝืนธรรมชาติ ได้ผลทางด้านความสง่า แต่มีผลร้ายทางสุขภาพหรือเปล่า บางทีเรื่องนี้ก็น่าใส่ใจ ซึ่งในขณะเดียวกัน ควรเรียนรู้การวางท่าทางให้ถูกวิธีเพื่อบุคลิกภาพและสุขภาพที่ดีในวันข้าง หน้า
1. ท่านั่ง 
           ท่านั่งที่ผิดมักทำให้มี อาการปวดหลัง วิธีแก้เริ่มจาก เวลานั่ง ลำตัวต้องตรง เก้าอี้ที่นั่ง เวลานั่งแล้วต้องรู้สึกสบาย และสมส่วน หัวเข่างอระหว่าง 90-105 องศา ถ้าต่ำไปให้หาที่วางเท้า เก้าอี้ต้องมีพนักพิงหลังรองรับ โดยความสูงต้องไม่ต่ำกว่าบริเวณกระดูกสะบัก แต่ถ้านั่งแล้วหลังไม่แตะพนักพิง ให้แก้ได้โดยหาหมอนอิงมาวางไว้ด้านหลัง เก้าอี้ต้องมีพนักวางแขน เพื่อช่วยรองรับข้อศอก

2. การยืน 
          ต้องยืนตัวตรง คนที่ยืนตัวตรงได้สง่างามย่อมมีราศีและความสำคัญในตัวเสมอ โดยยืนให้ลำตัวตรง ส่วนสะโพก หน้าอก และศีรษะเป็นเส้นตรงแนวเดียวกันโดยมีกระดูกสันหลังเป็นแกนกลาง ยืนตรงเท้าชิดกันหรือห่างแต่เพียงเล็กน้อยอย่าเกร็งขา อย่าพักขาหรือเข่า หรือปล่อยให้อกยื่น สะโพกยื่น หน้าอกควรยืดตรง ไม่ห่อไหล่ หลังไม่ห่อไม่งองุ้ม ไม่ยืนกอดอก ไม่เท้าเอว ไม่เอามือล้วงกระเป๋ากระโปรงหรือกางเกง เพราะดูแล้วไม่สุภาพ หน้าทองต้องเก็บ หายใจเข้าออกสบายๆ ปล่อยวางร่างกายให้เป็นธรรมชาติ
3. การเดิน 
            ต้องถ่ายน้ำหนักลงที่ เท้าทั้งสองข้างเท่าๆ กัน ลำตัวตั้งตรง ไม่ต้องเกร็ง อกผาย ไหล่ผึ่ง ร่างกายจะจัดความสมดุลได้เอง หากเราเหยียดตัวตั้งตรงและอกผายไหล่หึ่ง ไม่ไหล่ห่อไหล่งอ เมื่อจะเริ่มเดิน ก้าวเท้าข้างใดข้างหนึ่งไปข้างหน้า ลำตัวยังต้องตั้งตรงเช่นเดิม ผ่อนคลายร่างกายด้วยการไกวแขนตามสบาย แต่วงของการไกวอย่ากว้างจนเกินไป เพราะอาจไปกระทบหรือปะทะกับคนอื่นๆ ความกว้างของการก้าวก็ต้องพอเหมาะพอดีกับวามยาวของช่วงขา งอเข่าเล็กน้อยเมื่อยกเท้าก้าว ตามองตรง และเพื่อไม่ให้เป็นผลร้ายกับกระดูกสันหลัง อย่าถือหรือหอบข้าวของพะรุงพะรัง อย่าสะพายกระเป๋าที่มีน้ำหนักมากจนเกินไป รองเท้าที่เลือกสวม ต้องไม่คับหรือหลวม หรือมีส้นสูงจนมีผลต่อการทรงตัว ทำให้การทรงตัวไม่ดี
4. การแต่งกาย
          “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง สำนวน นี้มีความสำคัญ เพราะเสื้อผ้านับเป็นภาษาทางกายอย่างหนึ่ง ที่เมื่อใครก็ตามได้พบเห็นเขาสามารถจะคิด จะรู้สึก หรือแปลเป็นความหมายต่างๆได้สารพัด อย่างน้อยที่สุด เสื้อผ้าจะบอกได้ว่าเราให้เกียรติตัวเองหรือไม่ ให้เกียรติสถานที่ที่ไปหรือไม่ ให้เกียรติหน่วยงานหรือองค์กรที่สังกัดเพียงใด ดังนั้นเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายจะเป็นตัวช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นหรือแย่ลงได้ ดังนั้น การเลือกสวมใส่เสื้อผ้าจะต้องเลือกจาก
1. เป็นตัวเองและมีสไตล์ที่เหมาะสม
2. วาระและสถานที่ (ตามกาลเทศะ)
3. สะอาด สุภาพ และสวยงาม
5. การทักทาย 
           สิ่งแรกสำหรับการเริ่ม ต้นการทักทายคือ รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรก่อนที่จะกล่าวทักทายตามความเหมาะสมกับ บุคคลและสถานที่ ซึ่งหัวใจของการยิ้มมีดังนี้
1. จงทำตัวให้ผ่อนคลาย แสดงความเป็นมิตรและยืนยันท่าทีดังกล่าว ด้วยรอยยิ้ม
2. รอยยิ้มที่ใครก็อยากเห็นคือ รอยยิ้มที่จริงใจ
3. รอย ยิ้มที่ดีต้องเกิดจากการมองโลกในแง่ดี และความเบิกบานภายใน เพราะรอยยิ้มที่กลั่นมาจากความรู้สึกดังกล่าวจะดูร่าเริงสดชื่นและมีมนต์ เสน่ห์แก่ผู้พบเห็น
4. รอยยิ้มเป็นภาษาทางกายและกิริยาอื่นๆ ที่ไม่ต้อง มากเกินไป ยิ้ม ด้วยความผ่อนคลาย ยิ้มด้วยใจสบาย ไม่มีความวิตกกังวลหรือกระวนกระวาย แต่จงยิ้มด้วยความเชื่อมั่น พึงระลึกไว้ว่ารอยยิ้มบ่งบอกถึงความจริงใจ เป็นรอยยิ้มที่สร้างมิตรภาพน่าจดจำ และดึงดูดผู้คนได้มากที่สุด
5. รอย ยิ้มต้องเริ่มต้นจากความเป็นมิตร เมื่อใดที่รู้สึกเป็นมิตรเกิดขึ้นจงสื่อสารออกมาเป็นรอยยิ้ม จงฝึกตนเองให้มีความเป็นมิตร และยิ้มออกมาเพื่อสร้างมิตรจากใจจริง
              ท่วงท่าที่ดีต้องมีความเป็นธรรมชาติ เพราะเรื่องของบุคลิกภาพนั้น เป็นเรื่อง ที่เน้นความเป็น  ธรรมชาติ ไม่เน้นการปรุงแต่งอย่างแข็งขืน ดังนั้น ความเข้าใจว่า เราต้องเก๊กท่าเก๊กทาง อย่างนั้นอย่างนี้ตลอดทั้งวันจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ไม่ใช่ความงามสง่า แต่เป็นการเก๊กท่าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
              วิธีสังเกตพฤติกรรม และท่วงท่าเพื่อปรับเปลี่ยนให้คุณมีบุคลิกที่ดี และมีเสน่ห์กว่าที่เคยเป็น คือ    หากระจกเงาบานใหญ่ แนวตั้ง สีเหลี่ยมผืนผ้าตั้งไว้ด้านหน้า พิงผนังหรือกระจกเงาแบบมีขาตั้ง
 เดินจากจุดเริ่มต้นไปหากระจกเงา และมองที่กระจกนั้น จะเห็นท่วงท่าของตัวเอง จุดที่ต้องแก้ไข
 ทำใจยอมรับว่าตัวตนของตัวเองเป็นแบบนี้ จะปรับเปลี่ยนอย่างไรมองเห็นจุดที่ควรปรับเปลี่ยนผ่าน กระจกเงา
 หมั่นฝึกท่วงท่า และยอมปรับตัวเอง อาจจะต้องปรับให้ดูเหมาะสมและดูดียิ่งๆ ขึ้น
 กล้าแสดงออกในส่วนที่ไม่เคยเป็น และเคยชิน เพื่อความดูดี และบุคลิกใหม่ที่น่ามอง
            “ เวลามองตัวเองในกระจกเงาแล้ว เห็นจุดบกพร่องที่ควรจะมองเพื่อแก้ไข  บาง ครั้งเราเคยชินกับการที่เป็นแบบนี้มานาน หรืออาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ที่เราเติบโตมา เช่น เดินท่าเหมือนพ่อ กิริยาท่าทางเหมือนแม่เป็นได้ทั้งหญิงและชาย พฤติกรรมในการเดิน การนั่ง การยืน ล้วนถูกปลูกฝัง

เหตุผลที่เลือกการพัฒนาบุคลิกภาพด้านท่าทางและการเคลื่อนไหว
เหตุผล ที่เลือกการพัฒนาบุคลิกภาพทางด้านนี้ก็เนื่องมาจาก บุคลิกภาพด้านนี้ของข้าพเจ้ามีปัญหานิดหน่อยในเรื่องของการยืน การนั่ง หรือกระทั่งกิริยาต่าง ๆ ที่แสดงออกมาในสถานที่ที่แตกต่างกัน บางครั้งอาจดูไม่เหมาะสม จึงอยากจะพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองในด้านการท่าทางและเคลื่อนไหว ซึ่งถ้าหากพัฒนาบุคลิกภาพได้จริงตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะการทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากเรามีบุคลิกที่ดีจะเป็นจุดเด่นของเราจุดแรกที่บุคคลอื่นมองเห็นเป็น อันดับแรก และจะเป็นโอกาสที่ดีของเรา อาจเป็นเรื่อง การเรียน การทำงาน การพบประผู้คน การเข้าสังคมที่มีความเคร่งครัดในเรื่องนี้

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ลูกแรดเตรียมพร้อม......ล่าเหยื่อ !!!





สิ่งที่ได้รับจากการเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพบริหารธุรกิจ 3

ครั้งที่ 1  ปฐมนิเทศ “การบรรยายประวัติศาสตร์ความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
โดย  อาจารย์สาระ  กิจมีผล   วันที่  23  มิถุนายน  2553
            สิ่งที่ได้จากการเข้ารวมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ก็คือ ได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงตั้งสถานที่แห่งนี้ขึ้นมา และยังเป็นที่ประทับของเจ้านายหลายพระองค์ด้วย
ครั้งที่ 2 การพัฒนาบุคลิกภาพและธนาคารความดี
โดย  ผศ. โรจนา  ศุขะพันธ์    วันที่  14  กรกฎาคม  2553
            สิ่ง ที่ได้รับจากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ ก็คือ การได้รับรู้ถึงการพัฒนาบุคลิกภาพของตนเองในการเป็นบัณฑิตที่พึงประสงค์ ว่าควรว่างตัวอย่างไร และปฏิบัติตนอย่างไรเมื่ออยู่ในสถานที่ต่าง ๆ  รวมถึงการพัฒนาทางด้านการแต่งกายว่าควรแต่งอย่างไรให้ถูกระเบียบ อีกอย่างหนึ่งก็คือการทำความดีในรูปแบบต่างๆ ที่เราสามารถปฏิบัติได้
ครั้งที่ 3 การบริหารการเงินส่วนบุคคล
โดย  คุณกษม  ภูติจินดานันท์    วันที่  28 กรกฎาคม 2553
            สิ่ง ที่ได้รับจากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ ก็คือ การทราบถึงการบริหารจัดการการเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าให้เกิดประโยชน์สูงสุด 
ครั้งที่ 4 ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน
โดย  อาจารย์ปรีชา  ร่วมลือ   วันที่  25  สิงหาคม  2553
            สิ่ง ที่ได้รับจากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ ก็คือ การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องทั้งหลักการอ่าน การเขียน ให้ถูกต้องตามหลักของภาษาไทย รวมถึงได้คัดไทยด้วยตัวบรรจงช่วยให้ฝึกการคัดไทยให้ถูกต้องรวมถึงการรู้จัก คำต่าง ๆ มากขึ้น
ครั้งที่ 5  ฟังเสวนาเรื่อง " จรรยาบรรณวิชาชีพกับธรรมะ"
โดย  หลวงปู่พุทธะอิสระ  วัดอ้อน้อย  จ.นครปฐม    วันที่  1  กันยายน  2553
พิธีกร  คุณมนัส ตั้งสุข  ผู้ประกาศข่าวช่อง 5
            สิ่ง ที่ได้รับจากการเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในครั้งนี้ คือ การได้รับรู้จรรยาบรรณของอาชีพต่างๆ ว่ามีลักษณะอย่างไรไนแต่ละสาขาอาชีพและควรปฏิบัติตนอย่างไรให้เข้ากับงานที่ ทำ ให้สอดคล้องกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา